ขนาดควายยังไม่ยอมกินหญ้าที่ทรราช คสช. สรรหามาให้

เขาเขียนได้ดีและเข้าใจง่าย ๆ  ขนาดควายยังไม่ยอมกินหญ้าที่ทรราช คสช. สรรหามาให้  และ พี่น้องประชาชน จะเอาอย่างไงกับ รัฐธรรมนูญ โจร

————————————

ถ้า ประเทศชาติเปรียบเหมือนบริษัทที่ประกอบธุรกิจใหญ่โตแล้วก็ต้องกล่าวได้ว่า บริษัทแห่งนี้กำลังประสบกับความขาดทุนอย่างมหาศาล และเป็นความขาดทุนต่อเนื่องมาจากการบริหารจัดการของคณะผู้บริหารชุดก่อน ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่นำมาซึ่งความหายนะของบริษัทแห่งนี้อย่างมากมายจนผู้ ถือหุ้นทั้งหลายต้องออกมาขับไล่ออกไป นำมาซึ่งการรัฐประหารและมีผู้บริหารใหม่ แต่บริษัทแห่งนี้ก็มีทีท่าว่าจะมีปัญหาอีก เพราะผู้ถือหุ้นเกิดอาการอึดอัดในเรื่องต่างๆหลายอย่าง โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ต่างๆที่ผู้ถือหุ้นทั้งหลายต้องทำตามจนเกิดเสียงตำหนิติฉิน หรือคัดค้านไม่เห็นด้วยในบางเรื่องบางราว โดยเฉพาะในเรื่องกฎเกณฑ์ใหม่ที่ไม่ค่อยจะรับฟังผู้ถือหุ้น

การเสีย “แนวร่วม” ไม่ผิดอะไรกับการเสีย “มิตรร่วมรบ” ซึ่งเป็นหลักการสำคัญทางยุทธวิธีในการต่อสู้ทางการทหาร เพราะถ้าไร้แนวร่วมก็ต้องอ่วมอยู่ฝ่ายเดียว”

บทความดังกล่าวสอด คล้องกับที่นายปีย์ออกมาให้สัมภาษณ์ และหากรวมกับการออกหมายเรียก พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป คนสนิทป๋าเปรม กรณีปะทะคารมกับ “พล.อ.ค้าเก้าอี้นายพลตำรวจ” ก็ยิ่งทำให้กระแสข่าวอำมาตย์ฟัดกันเองมีเค้าลางความจริง แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร หรือจบลงด้วยการเกี๊ยะเซียะตามสโลแกน “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน” ก็ตาม สุดท้ายก็เป็นเรื่องของอำมาตย์ฟัดอำมาตย์ ประชาราษฎร์ไม่ได้อะไร


เมื่อควายไม่กินหญ้าเผด็จการ

การ ให้มี ส.ว.สรรหาทั้งหมด 250 คน ไม่ว่าจะให้เหตุผลอย่างไรก็ไม่ได้ทำให้คนทั่วไปเชื่อว่าไม่ใช่การสืบทอด อำนาจ เพราะ ส.ว.สรรหาก็คือคนที่ คสช. กำหนดให้มี “อำนาจพิเศษ” ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ (ที่ห้ามแก้) และคุมรัฐบาลเลือกตั้งให้ปฏิรูปตามยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ แม้ที่สุดแล้ว คสช. อาจจะยอมตาม กรธ. ที่ไม่ให้ ส.ว. เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจและลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่ก็ยังมีอำนาจต่อรองหรือพลิกเกมการเมืองได้ตลอดเวลา

รัฐบาล หลังเลือกตั้งจึงต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของทั้ง 2 สภา คือ 375 เสียงขึ้นไปจึงจะปลอดภัย ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นรัฐบาลเสียงข้างมากอย่างพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์


แม้ จะมีการจัดตั้งรัฐบาลผสมโดยพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำร่วมกับพรรคต่างๆก็ อยู่ได้ลำบาก เพราะโอกาสที่จะถูกหักหลังหรือเจาะยางเกิดได้ตลอดเวลา หากผลประโยชน์ทั้งของพรรคและผู้สนับสนุนพรรคไม่ลงตัว


ช่วง เปลี่ยนผ่าน 5 ปีกับอำนาจพิเศษ ซึ่งไม่ได้มีแค่ ส.ว.สรรหามาให้เท่านั้น แต่ยังมีองค์กรอิสระที่เหมือน “องค์กรเทวดา” คอยควบคุมอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามยุทธศาสตร์ไม่ให้รัฐบาลเลือกตั้งออกนอกลู่นอกทาง แถมยังมีผู้บัญชาการเหล่าทัพนั่งเป็น ส.ว.สรรหาโดยตำแหน่งอีก จึงไม่จำเป็นต้องลากรถถังออกมาให้เสียภาพพจน์ หรืออาจแปลได้อีกความหมายว่าเป็น “รัฐประหารเงียบ” ผ่าน “เผด็จการรัฐสภา” อยู่แล้ว


ดังนั้น ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไร ถ้าอำนาจยังอยู่กับกองทัพและกลุ่มอำมาตย์ ไม่ว่ากลุ่มเก่าหรือกลุ่มใหม่ ประชาชนและคนทั่วไปก็ไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น


หรือบางที “โมเดลควายอุดรไม่กินหญ้าเผด็จการ” อาจน่าสนใจ เหมือนอย่างที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. บอกว่า ไม่สนว่านายมีชัยจะรับหรือไม่รับข้อเสนออำนาจ คสช. เพราะตนเองประกาศยึดแนวทาง “ควายอุดรไม่กินหญ้า” คว่ำประชามติและไม่เอานายกฯคนนอก


ขนาดควายแท้ๆยังไม่ยอมกินหญ้าที่ “สรรหา” มาให้!

แล้ว “คน” ที่เชื่อว่าฉลาดกว่าควาย..จะทำยังไงกันดี?

ผู้เขียน : ทีมข่าวการเมือง

More information  

http://www.lokwannee.com/web2013/?p=210793

Leave a comment